5 Checklists ความผิดปกติปิดงบการเงิน
โดย
ใกล้สิ้นปีแล้ว หลายๆท่านก็เริ่มวางแผนในการปิดงบการเงิน แต่รู้มั้ยครับว่า การปิดงบการเงินนั้นหาก ปิดไม่เหมาะสมอาจมีตัวเลขบางอย่าง ที่แสดงถึงความผิดปกติของงบการเงิน ของกิจการเราได้
ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ นักลงทุนที่มาอ่านงบ, ผู้สอบบัญชีที่ตรวจสอบงบฯ หรือ แม้แต่สรรพากรที่ได้ข้อมูลตอนยื่นงบไป อาจเคลือบแคลงใจ และเป็นเหตุต้องสงสัยได้
เรามาดูตัวอย่างง่ายๆ กันว่า ประเด็นต่างๆเหล่านี้ มีอยู่ในงบการเงินของท่านหรือไม่ ซึ่งหากมีแล้ว ต้องรียหาทางกำจัดออก หรือหาทางอธิบายไว้ เผื่อมีใครมาสอบถามท่านนะครับ
.
.
-
เงินสด เยอะมาก
กิจการที่เงินสด เยอะมากๆ อาจมีเหตุต้องสงสัยว่า เงินสดนั้นมีอยู่จริงๆ หรือไม่ เพราะยุคสมัยนี้ ระบบการเงินพัฒนาไปไกลมาก การใช้เงินสด รับ-จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการค้าที่สูงๆ อาจมีข้อสงสัยว่ารายการเหล่านั้น เกิดจริงหรือไม่ ? แล้วถ้าเกิดจริง ทำไมต้องใช้เงินสด ?
.
.
เพราะ ข้อจำกัดของเงินสด ในการตรวจสอบนั่นคือ ตรวจสอบได้ยากมาก ว่าเงินนั้นมาจากใคร เป้นของใคร ก็เราดมไม่ได้นี่เนอะ ดังนั้นแล้วกิจการใดที่มีเงินสดมากเกินควร (แต่ ร้านสะดวกซื้ออาจมีเงินสดมากได้ เพราะรูปแบบธุรกิจเค้าเป็นแบบนั้น ดูอย่าง เซเว่นสิครับ รับเงินสดเยอะจริงในแต่ละวัน) กิจการใดที่มีเงินสดมากๆ ในงบการเงิน หรือบันทึกบัญชี ผ่านเงินสดรับ-จ่าย อาจต้องหาคำอธิบายเตรียมๆไว้บ้างนะว่าทำไม
2. งบการเงินไม่มี รายการอาคารและที่ดินที่ใช้ในการประกอบกิจการ หรือไม่มีรายการค่าเช่าในส่วนของค่าใช้จ่าย
เอออันนี้ หลายๆท่านมักมองข้ามไปนะ การที่งบการเงิน ไม่มีรายการสินทรัพย์ถาวร พวก อาคาร/ที่ดิน/ออฟฟิต แล้วกิจการเราใช้อะไรดำเนินงาน ? ….. แต่ถ้ากิจการเหล่านี้ เช่า สถานที่อยู่ก็อาจเป็นเหตุผลได้ว่า เพราะการเช่า จึงไม่มีสินทรัพย์ ถาวร ในงบการเงิน แต่บางงบการเงินนั้น ไม่มีรายการ ค่าเช่า อีก แบบนี้ยิ่งแปลกเพราะเหมือนกับว่ากิจการเหล่านี้ ไม่มีสินทรัพย์ดำเนินงานอะไรเลย
.
.
แบบนี้นักลงทุนที่มาอ่านงบ ก็อาจสงสัยได้ หรือถ้าในมุม สรรพากร ก็อาจสงสัยได้เช่นกันว่ากิจการ มีซ่อนกิจการอื่นไว้หรือไม่ (อาจไปใช้อาคารสำนักงานของกิจการอื่นๆ ) อะไรแบบนี้
3. รายการ ลูกหนี้กรรมการ หรือ เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ
อันนี้เบสิค สุดๆ ถามว่าจริงๆ แล้วกรรมการสามารถ กู้ยืมเงินบริษัทได้หรือไม่ ตอบว่าได้ ไม่มีกฏหมายข้อใดกำหนดว่าไม่ได้ แต่แต่แต่ ถ้าจำนวนนี้สูงมากเกินไปแปลว่าอะไร ?
- กรรมการ เลือกที่จะดึงเงินออกจากบริษัทผ่านทางเงินกู้ยืม เพราะมันไม่มีภาระภาษี บุคคลธรรมดา ต่อกรรมการ (ถ้ารับเป็นเงินเดือน สิ้นปีกรรมการต้องยื่นภาษีไงครับ)
- กรรมการ ขายสินค้า แต่เงินอยู่ที่กรรมการ บริษัทเลยบันทึกการขาย ผ่านบัญชีลูกหนี้กรรมการ
- นักบัญชี ไม่รู้จะลงบัญชีอย่างไร ตบยอดตรงไหน ก็ยัดมันเข้าบัญชีลูกหนี้กรรมการ
และอีก หลายต่อหลายสาเหตุที่ทำให้มีบัญชีนี้ ซึ่งจริงๆแล้วเนี่ย ลองนึกภาพตามนะะครับ ถ้าเป็นการกู้ยืมเงินระหว่างกรรมการ และ บริษัท จริง บัญชีลูกหนี้กรรมการ ควรจะเป็นเลขกลมๆ เพราะเราคงไม่กู้หรือคืนเงินกู้ยืม ด้วยยอด 120,515 บาท มีเศษ ๆ หรอกถูกมั้ย หรือ หากมองไวๆแบบง่ายๆ บัญชีนี้ไม่ควรมียอดสูงเกินกว่า หนี้สินหมุนเวียน เช่น เจ้าหนี้การค้า/ เงินกู้จากธนาคาร เพราะ ถ้าบริษัทมีเงินเหลือให้กรรมการกู้ยืมจริง เหตุไฉน จึงไม่เอาเงินนั้นมาจ่ายชำระหนี้สิน ถูกมั้ยครับ
4. สินค้าคงเหลือ ยอดสูงมากเกินควร
รายการ สินค้า สิ้นงวดนั้นต้องบอกว่าเป็นรายการที่ใครๆ (ผู้สอบบัญ๙ี หรือ สรรพากร หรือ นักลงทุน) ต้องแวะมาดูเพราะสามารถบอกอะไรได้หลายต่อหลายอย่าง เช่น
- เหลือเยอะมั้ย ถ้าเยอะเยอะมากแค่ไหน เพราะหมายถึง เงินไปจมในสต้อคเกินไปป่าว
- หรือที่เหลือ มากๆนั้น มีสินค้าที่ล้าสมัย เสื่อมสภาพมั้ย ขายไม่ออก
- หากมียอดสูงกว่า ยอดขายใน 1 ปี อาจบ่งบอกว่ากิจการมีการขาย แต่ไม่มีการบันทึกบัญชีหรือไม่
- สินค้าคงเหลือ มีแต่ยอดสูง แต่ไม่มีอยู่จริง
- อื่นๆ
สินค้าคงเหลือ ค่อนข้างที่จะต้อง ดูเป็นพิเศษ หากกิจการใดมีระบบควบคุมที่ดี ก็คงต้องตรวจนับสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนสิ้นปี ว่ามีจริงๆเท่าไหร่ มีเสื่อมสภาพบ้างหรือไม่ โดยอาจมีผู้สอบบัญชี (อย่างผม) ไปช่วยดูการตรวจนับด้วย เพื่อที่จะเสนอแนะหรือแนะนำ ระบบควบคุมให้ดียิ่งขึ้น
5. มีรายการ ซื้อสินค้า ป็นเงินตราต่างประเทศ แต่งบกำไร/ขาดทุน ไม่ปรากฏว่ามีรายการกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
อันนี้คือ ยังไง๊ยังไงก็แปลก เพราะหากมีรายการการค้าขายกับต่างประเทศแล้ว มักเป้นปกติที่ต้องมีรายการ กำไร หรือ ขาดทุน จากอัตราแลกเปลี่ยน
โดย