ภาษีร้านทอง มีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง

ภาษีร้านทอง เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เจ้าของร้านทองกังวล และยังไม่เข้าใจกันมากในปีที่ผ่านมา

จากประสบการณ์ อยากแนะนำเจ้าของร้านทอง ให้หาสำนักงานบัญชีที่มีประสบการณ์ร้านทอง ในการช่วยท่านทำบัญชี

เพราะหลายๆอย่างต้องใช้ความเข้าใจ และสามารถบริหารภาษีได้ เพราะเราผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษา มักเจอปัญหาการคำนวณภาษีที่ผิดพลาด

อาจส่งผลถึงเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม และปัญหากับสรรพากรได้ (หากไม่ทราบหาสำนักงานบัญชีที่ไหน ติดต่อเราได้ แนะนำให้ฟรี มีหลายที่ให้ท่านตัดสินใจเอง ไม่อยากให้ท่านเจอปัญหาในอนาคตครับ)

รับทำบัญชี

ปีนี้หลายท่านคงสังเกตุเห็นถึงการ รุก ของกรมสรรพากรต่อความตั้งใจที่จะทำให้การจัดเก็บภาษี เป็นตามไประบบระเบียบมากที่สุด ซึ่งมีหลายต่อหลายเครื่องมือที่เห็นได้ชัดที่ช่วยให้ กรมสรรพากร สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ สมใจมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการคลอดกฏระเบียบสนับสนุนการจด ทะเบียนเป็นนิติบุคคลต่างๆ เช่น การจดทะเบียนนิติบุคคลโดยใช้ผู้เป็นเจ้าของเพียงคนเดียว การสนับสนุนให้จัดทำบัญชีเล่มเดียว การลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งเย้ายวนใจผู้ประกอบการมากมายให้กลายร่างจาก บุคคลธรรมดา เป็นนิติบุคคล

และธุรกิจที่ค่อนข้างเป็น เป้าหมาย และ ความตั้งใจของท่านๆคงหนีไม่พ้น … ร้านทอง ร้านยา และร้านค้าออนไลน์

ในมิติของร้านทองนั้น มีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ รวมถึงการทำบัญชีอยู่พอสมควร เพราะใน 1 ร้านทองสามารถมองลึกลงไปได้หลายธุรกิจที่ซ้อนกันอยู่ไม่ว่าจะเป็น

1. ซื้อทองจากผู้ขายส่ง และขายให้ผู้บริโภคอย่างเรา
2. ซื้อทองเก่าจากผู้บริโภคอย่างเรา ไปขายให้ร้านขายส่ง
3.รับจำนำทองคำ
4. รับฝากขายทองคำ
5. ให้กู้โดยมีทองคำมาค้ำ

6. อื่นๆ

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจ ภาษี ของกิจทั่วไปรวมถึง ภาษีของร้านทอง ด้วย

หลักๆภาษีที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 2 กรณีคือ

ทำในรูปแบบบุคคลธรรมดา หรือ เจ้าของร้านทองจะทะเบียนเป็นนิติบุคคล

1.กรณีบุคคลธรรมดา

ภาษีที่เกี่ยวข้องก็มี

  • ภาษีบุคคลธรรมดา : ยื่นปีละ 2 ครั้งคือ ครึ่งปีและกลางปี โดยคิดจาก มูลค่าขายทองทั้งหมด และรายได้อื่นที่เกี่ยวข้อง หักค่าลดหย่อน และค่าใช้จ่ายตามกฏหมายกำหนด เสร็จปุ้บก็จะคำนวณตามอัตราขั้นบันได สูงสุด 35%

วิธีคำนวณแบบขั้นบันได
วิธีนี้คำนวณจากจากเงินได้สุทธิด้วยสมการง่ายๆ คือ

เงินได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
จากนั้น

เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย

  • ตัวต่อมาคือภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT นั่นเอง

ภาษี VAT ของกิจการร้านทองนั้นจะต่างจากกิจการอื่นๆทั่วๆไปตรงที่

วางแผนภาษี

ร้านทองต้องนำ ราคาขายทองรูปพรรณรวมกำเหน็จ หักออกด้วยราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศกำหนด ผลลัพธ์ส่วนต่าง ให้นำมาคิดภาษีมูลค่าเพิ่มอัตราร้อยละ 7 ก็จะได้ภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายทองรูปพรรณนั้น

(ถ้าคิดค่ากำเหน็จน้อย ก็เห็นมั้ยครับว่าจะเสีย VAT น้อยตามไปด้วย)

และตัว VAT นี้ถ้ามีสกิลหน่อย สามารถบริหารได้เลย แต่ไม่อยากพิมพ์นะ มันค่อนข้างสีเทา แต่ถูกกฏหมาย ลองโทรสอบถามดูได้ครับ

 

**ส่วน ทองคำแท่ง ไม่ต้องเสีย VAT นะครับ

 

 

2. ถ้าร้านทองจดทะเบียนในรูปแบบนิติบุคคล เช่น บริษัท / ห้างหุ้นส่วน ก็จะมีภาษีเกี่ยวข้องดังนี้

  • ภาษีนิติบุคคล

อันนี้ก็ต้องเสียทั้งครึ่งปีและสิ้นปี โดยคิดจากรายได้ทั้งหมด (ทั้งค่าทอง ค่ากำเหน็จ ค่าดอกเบี้ยรับ บลาๆ ) หักด้วยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง อันนี้คงต้องพึ่งนักบัญชีมีช่วยดูให้ว่า กิจการเรามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง และนักบัญชีอาจช่วยคำนวณ ตั้งค่าใช้จ่ายต่างๆให้กิจการเรา เพื่อภาษีจะได้เบาลงเช่น มีค่าเช่าร้านจากผู้เป็นเจ้าของ หรือมีเงินเดือนแก่ตัวเจ้าของร้านทองเป็นต้น #ลองหานักบัญชีดู ไม่รู้ก็ทักมา ^^

 

  • ภาษีVAT

ตัวนี้หลักการเหมือนที่พูดไปแล้วด้านบน เด๊ะๆ ไปอ่านดูได้เลย

 

  • ภาษีป้าย

อันนี้ก็แล้วแต่ว่าร้านทองมีป้ายหน้าร้าน ว่าใหญ่แค่ไหน แต่ไม่เยอะหรอก ไม่ต้องกังวลจ้า

 

สรุปแล้ว เจ้าของร้านทองที่พิจารณาว่า ภาษีร้านทองนี้ จะกระทบกิจการมากหรือไม่ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพราะดูแล้ว ภาษีร้านทองไม่ได้ต่างหรือเป็นภาระมากกว่ากิจการอื่น เพียงแต่อาจมีรายละเอียดของมัน ต้องศึกษาและทำความเข้าใจไอ้ตัว ภาษีร้านทอง นี้แค่นี้เอง

 

โดย

 

หากสงสัยสามารถสอบถามได้ครับ Line @onesiriacct

รับตรวจสอบบัญชี

 

แชร์บทความ...

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำปรึกษาจากทีมงานคุณภาพผู้เชี่ยวชาญของเรา และผู้สอบบัญชี ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในด้านบัญชีและภาษี