สินค้าแช่แข็งเสียภาษียังไง ภาษีกรณีขาย ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ สินค้าแช่แข็ง !! มีอะไรมาดูกัน
การขายของ หรือสินค้าแช่แข็งเสียภาษีอย่างไร
ก่อนอื่นการขายสินค้านั้น หลักๆจะมี 2 ภาษีที่เกี่ยวข้องคือ
1 ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล (ขึ้นกับว่าเราดำเนินธุรกิจแบบไหน)
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ที่เรา “ต้อง” จดทะเบียน เมื่อรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
ในแง่ของ ภาษีเงินได้ บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคลนั้น การขายสินค้าแช่แข็ง ไม่ต่างอะไรกบัการขายสินค้าอื่นๆ ดังนั้นในวันนี้
ผมอยากมาเจาะลึกในแง่ของ ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ซึ่งมีความจำเพาะ แตกต่างจากการขายสินค้าแบบอื่นๆ นั่นเอง
โดยในแง่ ของภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นั้น จะเกิดขึ้นเมื่อ ผู้ขายมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ท่านจะต้องไปจดทะเบียนเป้นผู้ประกอบการ VAT
โดยสามารถเป้นได้ทั้ง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ซึ่งแล้วแต่ขนาดของกิจการ อาจจะลองหาที่ปรึกษาบัญชีภาษี ว่าเราเหมาะกับการดำเนินธุรกิจแบบไหน
จะได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง
พอเราเข้าสู่ระบบ VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วนั้น ภาระภาษีจะมีรายเดือน โดยคิดจาก
ภาษีขาย ลบ ภาษีซื้อ = ส่วนที่ต้องนำส่งสรรพากร
ซึ่งตรงจุดนี้ จะยกตัวอย่างง่ายๆเช่น
นายณัฐ ซื้อของมาเพื่อขาย ต้นทุน 90 บาท มีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% คือ 6.3 บาท …. นายณัฐจะจ่ายซื้อสินค้ามาทั้งสิ้น 96.3 บาท
ต่อมา นายณัฐขายสินค้านี้ ในราคา 100 บาท มีภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% คือ 7 บาท
ดังนั้น 6.3 บาท = ภาษีซื้อ / 7 บาท = ภาษีขาย
ดังนั้น ภายในวันที่ 15 เดือนถัดไป นายณัฐต้องนำส่ง ภาษีต่อสรรพากร = 7-6.3 = 0.7 บาทนั่นเอง
แต่ แต่ แต่ ในกรณีของสินค้าแช่แข็งนั้น
คงต้องตอบว่าต้องพิจารณาก่อนว่าของชิ้นนั้นน่ะ เป็นอะไร ? โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคร่าวๆคือ
-
ของดิบพืชและสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ นมสด ผัก ต่างๆ
-
สินค้าปรุงแล้ว