การร่วมค้า การค้าร่วม คืออะไร ต่างกันอย่างไร ประโยชน์ และสถานะทางภาษี

การร่วมค้า การค้าร่วม คืออะไร ต่างกันอย่างไร ประโยชน์ และสถานะทางภาษี

การร่วมค้า การค้าร่วม

การร่วมค้า การค้าร่วม คืออะไร ต่างกันอย่างไร ประโยชน์ และสถานะทางภาษี

สวัสดีครับ วันนี้จะมาพูดคุยเกี่ยวกับ การร่วมค้า (Joint Venture) และ การค้าร่วม (Consotium) กันว่ามีประเด็นทั้งทาง ภาษี/ ธุรกิจ และทางบัญชีอย่างไรบ้าง

เพราะได้รับคำถามเข้ามาบ่อยว่า การร่วมค้าคืออะไร การค้าร่วมคืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ประโยชน์ทางภาษี เป็นแบบไหน วันนี้จะมาเล่าสู่กันฟังในหัวข้อต่างๆต่อไปนี้ครับ

การร่วมค้า การค้าร่วม

  1. การร่วมค้า และ การค้าร่วม คืออะไร
  2. ภาระทางภาษี ของการร่วมค้าและค้าร่วม
  3. การบันทึกบัญชีที่ต่างกัน
  4. ข้อพิจารณา เมื่อกิจการต้องการจัดตั้ง

 

  1. การร่วมค้า และ การค้าร่วม คืออะไร

กิจการร่วมค้า (Joint Venture) คือ การร่วมประกอบธุรกิจของบุคคลหรือกิจการตั้งแต่สองคนขึ้นไป

โดยมีการร่วมลงทุนไม่ว่าจะเป็นเงินทุน ทรัพย์สิน แรงงาน เทคโนโลยี ที่ดิน บุคลากร หรืออื่นๆ

ภายใต้ข้อตกลงหรือสัญญาร่วมค้าเพื่อประกอบกิจการร่วมกัน โดยมีการควบคุมร่วมกันตามที่ตกลงในสัญญา การควบคุมร่วมกันก็หมายถึง การที่ผู้ร่วมค้ามีอำนาจในการกำหนดนโยบายทางการเงิน และการดำเนินงานของธุรกิจที่ร่วมค้านั้นร่วมกัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์ของกิจกรรมต่างๆของธุรกิจนั้น

 

การจะจัดเป็นการร่วมค้าได้ต้องมีลักษณะที่สำคัญ คือ

1. มีผู้ร่วมค้าตั้งแต่ 2 รายขึ้นไป ตกลงกันเป็นสัญญา และ

2. สัญญาดังกล่าวระบุให้ผู้ร่วมค้าทุกรายมีอำนาจในการควบร่วมกัน

 

** คือถ้าไม่ได้ ควบคุมร่วมกันเนี่ย อาจไม่ใช่ร่วมค้านะครับ อาจเป็นแค่ ฝั่งใดฝั่งหนึ่งไปลงทุน หรือ ไปทำงานเพียงแต่ด้านด้านหนึ่ง หรือเป็นการว่าจ้างทั่วไปเท่านั้น**

การร่วมค้า การค้าร่วม

 

 

การขอบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรในนาม ” กิจการร่วมค้า ” กับทางสรรพากรพื้นที่ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ โดยใช้หลักฐานดังนี้

3.1 สัญญากิจการร่วมค้า

3.2 ถ้าเป็นนิติบุคคล ให้แสดงหนังสือรับรองนิติบุคคลทุกฝ่าย พร้อมสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ

3.3 แต่ถ้าเป็นบางส่วนเป็นบุคคล ก็ใช้สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน

3.4 หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ หรือ สัญญาเช่า

3.5 หนังสือมอบอำนาจ และหลักฐานผู้รับมอบ

หาผู้สอบบัญชี 2563

 

 

 

 

 

 

ก่อนไปขอควรปรึกษานักบัญชี นักฏหมายก่อน เพื่อความรอบคอบ ก่อนจัดตั้ง จะดีมาก เพราะลูกค้าผมหลายราย มักมีปัญหาหรือไม่เข้าใจแท้จริง ทำให้เกิดภาระค่าปรับ ตามมาได้ครับ

 

แล้วในมิติ ของสรรพากร กิจการร่วมค้า คืออะไร ?

กิจการร่วมค้า (Joint Venture) ตามความหมายในมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร คือ
(1) กิจการที่ดำเนินการร่วมกันเป็นทางการค้าหรือหากำไร ระหว่างบริษัทกับบริษัท บริษัทกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ระหว่างบริษัทและ/หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดา คณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่น
(2) กิจการร่วมค้ามีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีและเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

 

แต่รู้หรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1012 มีสถานะเปรียบเสมือน ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล

จึงทำให้ ถ้าจะจัดตั้ง ไม่ต้องไปยุ่งอะรที่กระทรวงพาณิชย์ แต่อย่าลืม ทำงบการเงินส่งสรรพารกรด้วยล่ะ (ถ้าไม่มีผู้สอบบัญชี ที่พร้อมให้คำปรึกษาก็ทักผมมาได้นะครับ ยินดีให้บริการครับ ^^)

 

แล้วข้อเสีย ของกิจการร่วมค้ามีอะไรบ้าง ?

ข้อเสียคือ  ผู้ร่วมค้าแต่ละรายไม่สามารถนำผลขาดทุน ของกิจการร่วมค้าดังกล่าวไปขอหักเป็นค่าใช้จ่ายในการยื่นแบบ ภงด.50 ของโครงการปกติอื่นๆ

 

 

ส่วน การค้าร่วม หรือ Consortium

 

จะมีลักษณะแตกต่างจาก Joint Venture  กล่าวคือ  สมาชิกของ Consortium นั้นจะมีการแบ่งแยกงานและเงินที่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับจากเจ้าของโครงการ  จะมีการร่วมกันก็เพียงแต่มาลงนามในสัญญาฉบับเดียวกันที่ทำกับเจ้าของโครงการเท่านั้นเอง  โดย Consortium นั้นไม่ได้เป็นหน่วยภาษีแยกต่างหากจากผู้เป็นสมาชิกของ  Consortium

 

 

 

 

จึงกล่าวได้ว่า   Consortium นั้น สมาชิกแต่ละคนจะได้รับเงินในส่วนของงานที่ตนทำ  จะกำไรหรือขาดทุนก็เป็นเรื่องของตน  ไม่มีการไปรวมกับกำไรหรือขาดทุนของสมาชิก  Consortium รายอื่น  และสมาชิก  Consortium  แต่ละรายก็จะเสียภาษีโดยยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีของตนแยกแต่ละรายไป

ส่วนในแง่ความรับผิดนั้น  สมาชิกของกิจการร่วมค้าจะรับผิดร่วมกันต่อเจ้าของโครงการ แต่  Consortium นั้น  โดยปกติต่างคนต่างรับผิดชอบเฉพาะส่วนที่เป็นงานของตน  แต่หากเจ้าของโครงการต้องการให้สมาชิกของ  Consortium รับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดก็ตกลงกันได้

คำว่า  Consortium นั้นไม่มีการบัญญัติไว้ทั้งในประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์และ  ประมวลรัษฏากร  จึงไม่ต้องขอบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี และทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม  เนื่องจากไม่ใช่หน่วยภาษีที่แยกต่างหากจากสมาชิก Consortium

 

 

วันนี้น่าจะคร่าวๆแค่นี้ หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามสามารถทักทายเรามาได้ตามด้านล่างครับ

 

ขอบคุณครับ

 

ณัฐวัฒน์ โลหะพิทักษ์, CPA TA Dip-TFR
– ผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาต
– ที่ปรึกษาทางด้านภาษี
– อาจารย์พิเศษ

<a href=”https://lin.ee/byHI1HG”><img src=”https://scdn.line-apps.com/n/line_add_friends/btn/th.png” alt=”เพิ่มเพื่อน” height=”36″ border=”0″></a>

Credit

http://finance.oop.cmu.ac.th/?q=th/node/26705

https://www.avaccount.com

(1) Comments

  1. ขอสอบถามคะ แล้วกรณีต้องทำสัญญา ค้าร่วม ประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐ (ได้รับยกเว้นภาษี) และเอกชน (ไม่ได้รับยกเว้นภาษี)
    ทางหน่วยงานต้องทำสัญญาแบบรวมภาษี หรือ ไม่รวมภาษีคะ

Leave a Reply