ขึ้นประกันสังคมเมื่อไหร่ ใช้แบบฟอร์มไหนบ้าง มาดูกันครับ
หลายๆกิจการพอมีเริ่มมีพนักงานประจำแล้ว ก็ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมให้ตามกฏหมาย เรามาดูกันว่า มีเรื่องอะไรที่กิจการต้องทราบก่อนขึ้นทะเบียนประกันสังคมบ้างครับ
ประกันสังคมขึ้นทะเบียนประกันสังคมเมื่อไหร่
สิทธิประกันสังคม สิทธิประโยชน์ที่บริษัทและพนักงานควรรู้และต้องได้รับ!
สิทธิประกันสังคมเป็นสิทธิประโยชน์ร่วมกันระหว่างเจ้าของธุรกิจและพนักงาน โดยเงินที่เจ้าของธุรกิจจ่ายสมทบให้กับพนักงานในแต่ละเดือนถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการที่พนักงานจะได้รับเพื่อเป็นการสร้างหลักประกันในการใช้ชีวิตตลอดช่วงทำงาน จนไปถึงเกษียณอายุ
ประโยชน์ของบริษัทและพนักงาน
ประโยชน์ที่พนักงานจะได้รับจากประกันสังคม
- ค่าหมอ ค่ายา ค่าทำฟัน ยามเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุ
- ค่าเงินชดเชย กรณีทุพพลภาพ
- ค่าคลอดบุตร
- ค่านมลูก (เงินสงเคราะห์บุตร)
- ค่าใช้จ่ายยามตกงาน
- ค่าจัดงานกรณีเสียชีวิต
- ค่าใช้จ่ายยามเกษียณ
ประโยชน์ที่เจ้าของธุรกิจจะได้รับจากประกันสังคม
- การสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจ เมื่อพนักงานกำลังตัดสินใจเลือกเข้าทำงานจากประกันสังคม
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีในด้านความรับผิดชอบต่อชีวิตพนักงานของธุรกิจ ซึ่งพนักงานมองว่าเป็นหลักประกันชีวิตขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ
- รักษาพนักงานให้อยู่ทำงานด้วยกันต่อไปในระยะยาว เพราะมั่นใจได้ว่าธุรกิจตั้งใจจะดูแลคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
นั่นก็หมายความว่า เมื่อพนักงานของธุรกิจมีความสุข และมีความมั่นคง ก็ทำให้ธุรกิจดำเนินอย่างมั่นคง ส่งผลต่อลูกค้า และคู่ค้าในเชิงบวกด้วยเช่นกัน
หากธุรกิจเรามีพนักงานตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียน 2 ชุดคือ
- ขึ้นทะเบียนนายจ้าง ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยอัตโนมัติพร้อมการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลต่อกรมธุรกิจการค้า
- ขึ้นทะเบียนลูกจ้างสำหรับจ่ายกองทุนประกันสังคมในครั้งแรก
– เมื่อมีพนักงานใหม่เข้าทำงานในบริษัท ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคมภายใน 30 วัน
– ในแต่ละเดือนต้องนำส่งเงินประกันสังคมที่หักจากเงินเดือนพนักงาน พร้อมทั้งจ่ายสมทบเพิ่มให้กับพนักงาน และยื่นต่อสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ขั้นตอนเมื่อบริษัทเริ่มมีพนักงานคนแรก ขึ้นทะเบียนประกันสังคมเมื่อไหร่
- ขั้นตอนแรก เจ้าของธุรกิจต้องขึ้นทะเบียนนายจ้างภายใน 30 วัน นับจากวันที่เริ่มรับพนักงาน
เมื่อเจ้าของธุรกิจจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (Department of Business Development) แล้ว จะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นนายจ้างต่อสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงานโดยอัตโนมัติ (ซึ่งจะช่วยลดขั้นการเตรียมเอกสารเพื่อความสะดวกมากขึ้น) เริ่มใช้จริงวันที่ 16 ต.ค. 2019 เป็นต้นไป
- เจ้าของธุรกิจสามารถใช้เลขนิติบุคคล 13 หลัก ดำเนินการขึ้นทะเบียนลูกจ้าง/ผู้ประกันตน เมื่อมีการจ้างลูกจ้างภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันเริ่มจ้างงาน ได้ที่สำนักงานประกันสังคมต่อไป
เอกสารที่ต้องใช้ หนังสือนำส่งแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-02) พร้อมใบแนบแบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) ของพนักงาน พร้อมแนบสำเนาบัตรประชาชน
- ยื่นข้อมูลเงินสมทบ (ตารางสรุปเงินพนักงานประจำเดือน โดยใส่ข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน, คำนำหน้า, ชื่อ-นามสกุล, ตำแหน่ง, เงินเดือน และเงินสมทบ)
ขั้นตอนการยื่นข้อมูลเงินสมทบประกันสังคมออนไลน์
ในเดือนถัดๆ ไป บริษัทก็สามารถเข้าใช้งานผ่านเว็บไซต์ของประกันสังคมในหัวข้อ “บริการอิเล็กทรอนิกส์” ลดเวลาการเดินทางไปที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ และจัดเตรียมเอกสารหลายขั้นตอน เพื่อยื่นข้อมูล ดังนี้
- ข้อมูลเงินสมทบ
– เข้าสู่ระบบและเลือกเมนู “ส่งข้อมูลเงินสมทบ”
– เลือก วิธียื่นข้อมูลการส่งเงินสมทบ
– เลือกสถานประกอบการ
– เลือกวิธีการนำส่ง กรอกเดือน, ปี, อัตราเงินสมทบ
– เลือกอัพโหลดไฟล์ “ข้อมูลเงินสมทบ”
– สรุปข้อมูลเงินสมทบ
– ส่งข้อมูลเงินสมทบสำเร็จ
– จากนั้นประกันสังคมจะส่งข้อมูลยืนยันตามแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบ (สปส.1-10 ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2) ผ่านทางอีเมลเพื่อดำเนินการชำระเงินต่อไป
- แจ้งพนักงานเข้าใหม่ (ส.ป.ส. 1-03)
– เข้าสู่ระบบและเลือกเมนู “ทะเบียนผู้ประกันตน”
– คลิกเลือกข้อ 1 กรณีที่พนักงานเข้าใหม่ไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกับทางประกันสังคม คลิกเลือกข้อ 2 กรณีที่ พนักงานเคยขึ้นทะเบียนแล้ว และเลือกสถานพยาบาลเดิม
– เพิ่มข้อมูลพนักงานใหม่ทั้งหมด กรณีพนักงานใหม่ไม่เคยขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน
ใส่เลขที่บัตรประชาชน กรณีพนักงานใหม่เลือกสถานพยาบาลเดิม
– ตรวจสอบข้อมูล
– ยืนยันบันทึกข้อมูล
- แจ้งพนักงานลาออก (ส.ป.ส. 6-09)
เจ้าของธุรกิจต้องจ่ายค่าประกันสังคมเท่าไหร่/เมื่อไหร่
เจ้าของธุรกิจจะต้องจ่ายสมทบประกันสังคมในส่วนที่หักจากพนักงาน และส่วนที่สมทบให้กับพนักงาน ตามแบบ สปส.1-10 (ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2) จะต้องส่งในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป หลังจากที่ยื่นเอกสารเพื่อนำส่งประกันสังคมในครั้งแรก
วิธีการคำนวณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
ฐานของเงินค่าจ้างพนักงานขั้นต่ำตั้งแต่ 1,650 บาท แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
พนักงานจะถูกหักจากเงินเดือน 5% + เจ้าของธุรกิจจ่ายสมทบ 5% + รัฐบาลร่วมจ่ายสมทบ 2.75%
(แต่ในบางเดือนทางประกันสังคมจะมีการออกมาตรการลดค่าครองชีพให้กับนายจ้าง เพื่อช่วยให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบประกันสังคมน้อยลง เช่น ช่วงเดือน พ.ค. – ก.ค. 2565 ปรับลดเหลือ 1% เป็นต้น)
ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงออกเงินสมทบประกันสังคมให้ 1 เท่าของเงินที่พนักงานถูกหักออกจากเงินเดือนในแต่ละเดือนตามมาตรา 33
ยกตัวอย่างวิธีคำนวณ
ให้เงินเดือนพนักงาน 18,000 บาท (คำนวณจากฐานเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท) ดังนั้นเงินประกันสังคมที่จะต้องยื่นคือ 5% เท่ากับ 15,000 x 5% = 750 บาท และทางนายจ้างจ่ายสมทบเพิ่มอีกหนึ่งเท่า รวมเป็น 750+750 = 1,500 บาท