อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ ลูกหนี้กรรมการ ตั้งเท่าไหร่ ? ถึงเหมาะสม

อัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ ลูกหนี้กรรมการ ตั้งเท่าไหร่ดี ถูกต้อง และกิจการประหยัดภาษีมากที่สุด

หลายๆครั้งที่เวลาตรวจสอบบัญชีแล้วพบว่า บางรายการทำให้กิจการเสียผลประโยชน์โดยไม่จำเป็น

ทางเราก็พยายามจะแนะนำสำนักงานบัญชีหรือเจ้าของกิจการเองให้ปรับเพื่อจะได้รักษาผลประโยชน์ตรงนั้นไว้ ซึ่งบัญชีเงินกู้ยืมกรรมการก็เช่นกัน

ซึ่ง กิจการ SME ส่วนมากมักมีรายการ 💲เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ💲 (ลูกหนี้กรรมการ) ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุเช่น การเบิกเงินไปใช้ของตัวเจ้าของ

หรือรายการเบิกจ่ายที่ไม่มีบิลที่ชัดเจน

แต่ทั้งนี้นั้น เมื่อกิจการมีเงินให้กู้ยืมแก่กรรมการแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ กิจการ “อาจจะ” คิดดอกเบี้ยรับจากกรรมการ หรือไม่ก็ได้ ซึ่งถ้าหากไม่มีดอกเบี้ย เราจะต้องไปปรับปรุงในแบบ ภงด50 📍เพื่อเพิ่มดอกเบี้ยรับลงไป แต่ถ้ามีดอกเบี้ยรับก็จะถูกบันทึกลงไปในงบการเงินอยู่แล้ว📍

เพราะ หากมองในมุม สรรพากรแล้วตามมาตรา 65 ทวิ (4) ระบุว่า กรณีให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีค่าตอบแทน หรือดอกเบี้ย หรือมีค่าตอบแทน หรือดอกเบี้ยต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เจ้าพนักงานมีอำนาจประเมินค่าตอบแทน ….แล้วเท่าไหร่ถึงจะพอดี❓❓❓

ให้พิจารณาโดยแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้

1⃣ บริษัทไม่ได้มีเงินกู้ยืมจากแหล่งอื่น

อัตราดอกเบี้ย: ให้ใช้ “อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์”

2⃣ บริษัทมีการกู้ยืมเงินจากแหล่งอื่น

อัตราดอกเบี้ย: ให้ใช้ “อัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืม” จากแหล่งอื่นมาคิดให้กรรมการ

เปรียบเสมือนว่า ถ้ากิจการมีเงินแล้วเอาไปให้กรรมการกู้ ก็ควรได้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผล มิเช่นนัั้นก็เอาไปคืนเงินกู้จากแหล่งอื่นไม่ดีกว่าหรอ

✨แต่ในกรณีที่✨ กิจการไม่มีการกู้จากแหล่งอื่น สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ซึ่งพบว่าปัจจุบันแทบไม่มีธนาคารใดเลยที่เกิน 1% ดังนั้น การตั้งอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่านี้ อาจไม่มีความจำเป็น✅

(ดูได้จากแบงค์ชาติ https://www.bot.or.th/thai/statistics/_layouts/application/interest_rate/in_rate.aspx)

❗❗เพราะผลที่ตามมาคือ❗❗

👉กิจการต้องนำรายได้จากดอกเบี้ยรับนี้ ไปคำนวณเพื่อเสียภาษีสิ้นปี (ภงด50)

และ 👉กิจการต้องชำระ ภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 3.3% ของดอกเบี้ยก้อนนี้