เทรดบิทคอยน์ เสียภาษีอย่างไร จะมีประโยชน์มั้ยถ้าเปิดบริษัท ?
ก่อนอื่นเรามาพูดถึงประเด็นนี้ตามกฎหมายกันก่อน ถ้าเรายึดตามบทกฎหมายเลยหมายความว่ากำไรใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นในการซื้อขาย Cryptocurrency ถ้าคุณเทรดในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีทั้งหมดไม่ว่าคุณจะกำไรเป็นเงินบาท Bitcoin หรือ ETH ก็ต้องเสีย อย่างเช่น
.
.
คุณซื้อ Bitcoin ตอน 100,000 บาท 1 BTC
> คุณขาย Bitcoin ตอน 200,000 บาท 1 BTC
= นั้นเท่ากับว่าคุณได้กำไร 100,000 บาท ซึ่งต้องจ่ายให้สรรพากร 15,000 บาท (15%)
ณ ที่จ่ายก่อนที่จะไปคำนวนภาษีรายได้บุคคลธรรมดาว่าจะขอคืนได้หรือไม่
ในกรณีที่คุณซื้อขายเป็น Cryptocurrency ถ้าคุณได้กำไรคุณก็จะต้องเสีย ณ ที่จ่ายเช่นเดียวกัน
.
.
ซึ่งตามตัวบทกฏหมายไอ้ 15% ที่ว่าเนี่ยทางแพลตฟอร์ม จะต้องเป็นคนหัก ณ ที่จ่ายไปยื่นให้สรรพากร 15,000 บาท และโอนเงินที่เหลืออีก 85,000 บาทเข้าบัญชีนักเทรด แต่! ในความจริง (ณ วันนี้นะ) พวกแพลตฟอร์มไม่ได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ เพราะเค้าให้เหตุผลว่า การที่คนนึงเทรดอาจมีทั้งกำไร ขาดทุนระหว่างปี ซึ่งแพลตฟอร์มมองภาพทั้งปี เลยตอบไม่ได้ว่าคนเทรดจะมีกำไรมั้ย เลยเลือกที่จะไม่หัก ณ ที่จ่าย
.
.
ความซวย ก็เกิดกับนักเทรด เพราะในใจก็อยากเสียภาษีถูกต้อง แต่ตรูไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เพราะทางปฏิบัติ (ในประเทศนี้) ย้อนแย้งกับตัวบทกฏหมาย ลูกค้าผมหลายคนเลยปรึกษาเข้ามา เลยแนะนำว่า
-
หากคุณ เทรดในรูปบุคคลธรรมดา พอสิ้นปี ให้ไปดึงรายงานการเทรดทั้งหมดออกมา ว่าปีนี้ ซื้อขาย เท่าไหร่ ซึ่ง Bitkub ดึงได้ ไม่มั่นใจว่าแพลตฟอร์มอื่นทำได้มั้ย แต่คิดว่าไม่มีปัญหา
-
พอดึงข้อมูลมาแล้ว มารวมยอดทั้งปี ว่ากำไรหรือขาดทุน ถ้ากำไร ให้เอากำไรนั้นไปกรอกใน ภงด90 เป็นเงินได้ประเภทที่ 4 และลองคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายดู (วิธีการกรอก เคยเขียนไว้แล้ว > วิธีกรอก ภงด90)
ซึ่งคำถามถัดไปคือ ถ้าเทรดมากๆ จดบริษัทดีมั้ย?
ซึ่งอันนี้ต้องเมียบกันละว่า “กำไร” ที่คาดว่าจะได้จากการเทรดในปีนั้นๆ คุ้มมั้ยที่จะจด เพราะอย่าลืมว่าคุณต้องจ้างสำนักงานบัญชี (เหมือนที่หลายๆคนมาจ้างเรา) และสิ้นปีต้องเสียค่าสอบบัญชีให้ผู้สอบฯ ตรวจสอบความถูกต้องก่อนยื่นงบให้สรรพากร
.
.
ปกติแล้ว ถ้าเป็นกิจการค้าขายทั่วไป กำไรประมาณ 1.5 ล้านต่อปี จะเริ่มคุ้มค่าในการจดบริษัท (กำไรนะไม่ใช่รายได้) ในการเทรดบิทคอยน์ ก็ราวๆเดียวกัน ดังนั้น คุณก็สามารถวิเคราะห์เองได้ว่าควรจดหรือไม่ แต่ต้องตระหนักถึงภาระที่จะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งก็คือ
-
ต้องเสียภาษี ถ้ากำไร > กำไรของบริษัทจะคิดที่สูงสุด 20% ของกำไร (รายได้จากการเทรด-ต้นทุนซื้อมา) ถ้าปีนั้นขาดทุน = ภาษี 0 บาท
-
ต้องเก็บเอกสารทุกเดือนส่งสำนักงานบัญชี > พอเราใช้ชื่อบริษัท เทรด ภาระในการยื่นเอกสารต่างๆรายเดือนก็ต้องมี เช่น VAT และ หัก รที่จ่ายค่าบริการในการณีที่เทรดกับ แพลตฟอร์มในไทย ซึ่งต้องให้นักบัญชีช่วยทำให้ นั่นหมายถึงว่าคุณต้องเสียเวลาในการจัดเก็บเอกสาร ส่งให้สำนักงานบัญชีทุกเดือน
-
เสีย VAT 7% ด้วยนะ > ถ้าคุณขายเหรียญออกไป แม้มีกำไรหรือขาดทุน (ภาษี VAT คนละเรื่องกับถาษีสิ้นปีนะคับ) คุณต้องนำส่ง 7% ของมูลค่าที่คุณขายด้วย
สุดท้ายนี้ หวังว่าความรู้นี้อาจจะช่วยให้เห็นภาพเล็กๆ เพราะสำนักงานเราอยากให้ลูกค้าหรือคนทั่วไปมีความรู้ ภาษี บ้าง แต่จะทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่วิจารณญานส่วนบุคคลนะครับ สุดท้าย ของฝากตัวอย่างคร่าวๆ ให้ดู เพื่อให้มองภาพออกมากยิ่งขึ้น