ประมาณการ ยื่นภาษีครึ่งปี ต้องระวังอะไร ขาดเกิน25% คิดอย่างไร
โดย
เป็นธรรมดาของทุกบริษัทที่ต้อง ประมาณการภาษี เพื่อยื่นแบบภาษีครึ่งปี หรือ ภงด.51 ซึ่งปกติแล้ว ต้องยื่นภายใน 31 สิงหาคม ของทุกๆปี (ถ้ายื่นอินเตอร์เนต ได้ถึงวันที่ 8 กันยายน แต่ต้องเช็คกับเว็บไซต์ของกรมสรรพากรก่อนนะ ในแต่ละปี เผื่อมีขยับเข้าออกเล็กน้อย)
การประมาณการกำไรสุทธิ เพื่อยื่นภาษีครึ่งปี นั้นมีข้อควรระวังที่ทุกท่านรู้อยู่นั่นคือ ห้ามประมาณการ ขาดไป มากกว่า 25% ของกำไรสุทธิจริง ณ วันสิ้นปี โดยไม่มีเหตุอันสมควร (เดี๋ยวมาดูว่า สมควร ไม่สมควร ดูยังไง ตามหลักของพี่สรรพากร)
-
วิธีการประมาณการกำไรสุทธิ ครึ่งปี
ปกติแล้ว กิจการ ก้มักจะทราบ ยอดรายได้และรายจ่าย จริง ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ มกราคม ถึง มิถุนายน อยู่แล้ว ดังนั้นหลักการณ์คือ ให้เอายอดจริงนั่นแหละ มาประมาณการให้เต็มปี ได้กำไรเท่าไหร่ ให้นำมาหารครึ่ง เพื่อคำนวณภาษีครึ่งปีนั่นเอง
ตัวอย่าง เช่น
บริษัท นายณัฐวัฒน์ จำกัด มีรายได้ 6 เดือนแรก จำนวน 9.5 ล้านบาท , มีรายจ่ายที่เกิดขึ้น 9 ล้านบาท = กำไร 6 เดือนแรก 5 แสนบาท
บริษัทจึงประมาณการ รายได้ตลอดทั้ง 12 เดือน = 20 ล้านบาท , ประมาณการรายจ่าย 18 ล้านบาท = ประมาณการกำไร 2 ล้านบาท
เมื่อถึงเวลายื่น ภงด.51 จึงนำ
ประมาณการกำไรทั้งปี หาร 2
= 2 ล้านบาท/2 = 1 ล้านบาท มาคำนวณเพื่อยื่น ภงด51 นั่นเอง
หาก บริษัท นายณัฐวัฒน์ จำกัด มีการเสียภาษีที่ อัตรา 20% ของกำไร
ภาษีที่ต้องชำระ ในการยื่นแบบ ภงด.51 คือ 20% x 1 ล้านบาท = 200,000 บาทนั่นเอง
2. การประมาณการกำไรสุทธิ ขาดไปเกิน 25% ของกำไร
หากไอ้ตัวกำไรที่เราประมาณการไว้ ขาดไปเกินกว่า 25% แล้วละก็ ท่านสรรพากร จะมีเบี้ยปรับและเงินเพิ่มด้วย
ก่อนอื่นต้องมาดูว่า ขาดไปเกินกว่า 25% คิดยังไง
โดยสูตร คือ
ประมาณการกำไรที่ขาดไป = กำไรจริง(ตามแบบ ภงด50 สิ้นปี) – ประมาณการกำไร (ตามแบบ ภงด.51 ครึ่งปี)
นำ ประมาณการกำไรที่ขาดไป มาคูณ100 แล้วหาร กำไรจริง = หากเกิน 25 นั่นหมายความว่าประมาณต่ำไปนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น
บริษัท นายณัฐวัฒน์ จำกัด ประมาณการกำไร 2 ล้านบาท ณ ตอนยื่น ภาษีครึ่งปี (ภงด.51)
แต่พอสิ้นปี ปรากฏว่า กำไรจริง 2.5 ล้านบาท
= (2.5 – 2)*100 / 2.5 = ขาดไป 20% …… ไม่โดนปรับ นั่นเอง
3. เหตุผลอันสมควร ในการประมาณการยื่นภาษี
3.1 กรณีจัดทำประมาณการกำไรสุทธิและยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ไว้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว
เช่น คำนวณภาษี ปีที่แล้วได้ 10,000 บาท / ครึ่งนึงคือ 5,000 บาท ดังนั้น ภงด.51 ตอนยื่นครึ่งปี ของปีนี้ ตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ถือว่า สมควร
(แม้สิ้นปี กำไรจะสูงเกิน 25% ของที่ประมาณไว้ ก็จะไม่โดนค่าปรับเงินเพิ่มครับ)
3.2 จัดทำประมาณการกำไรสุทธิซึ่งได้จากกิจการไว้ไม่น้อยกว่ากำไรสุทธิที่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50
ในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้ว แต่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.51 ไว้น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ได้ยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 ในรอบระยะเวลาบัญชีที่แล้วเนื่องจากได้รับยกเว้นหรือลดอัตราภาษี
เช่น กำไรสุทธิสิ้นปีที่แล้ว 1 ล้านบาท ครึ่งนึงจึง = 500,000 บาท เลยยื่นภาษีครึ่งปี ปีนี้โดยประมาณการว่าจะมีกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท
แม้ว่าค่าภาษีครึ่งปี จะน้อยกว่า ครึ่งนึง ของภาษีนิติบุคคล(ภงด.50ปีก่อน) และแม้จะปรากฏว่า การยื่นภาษครึ่งปี ขาดไปเกิน 25% …. ถ้าพิสูจน์ได้ว่าได้รับยกเว้นอัตราภาษี ก็ไม่โดนเบี้ยปรับเงินเพิ่มครับ
3.3 กรณีอื่นๆ
กรณีประมาณการกำไรสุทธิขาดไปเกินร้อยละ 25 แต่สามารถชี้แจงและพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าเกิดจากเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่ามีเหตุอันควร
เหตุการณ์ที่เกิดในช่วงระยะเวลา 6 เดือนหลังของรอบระยะเวลาบัญชี ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์หรือควบคุมได้ ดังนี้
1) กิจการเริ่มมีรายได้ในการประกอบกิจการ ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี ไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการ
2) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำลง ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่ำลงด้วย
3) การส่งออกสินค้ามีความไม่แน่นอนทั้งปริมาณและราคามีการเปลี่ยนแปลงเกิดได้ตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้
4) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ
นี่น่าจะช่วยให้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการยื่นแบบ ภงด51 นั้นดีขึ้น หวังว่าทุกท่าน จะนำไปปฏิบัติกันได้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามกันได้ครับ หรือถ้าหากหาผู้สอบบัญชี ที่ให้บริการพร้อม ชี้แนะข้อกฏหมาย ภาษี บัญชี ที่กิจการควรทราบ สามารถติดต่อเราได้เช่นกันครับผม ^^
โดย
ประมาณการ ยื่นภาษีครึ่งปี

















