ภาษีแพทย์ และการเสีย ภาษีคลินิค ภาษีโรงพยาบาล มีอะไรบ้างมาดูก่อน (ต่อ)

ภาษีแพทย์ และการเสีย ภาษีคลินิค มีอะไรบ้างมาดูก่อน (ต่อ)

โดยคุณ

โดย

 

จากบทความก่อนหน้า นั้นเราได้พูดถึงประเด็นภาษีฝั่ง ตัวคุณหมอ ตัวแพทย์ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาไปกันแล้วครับ มาตรงนี้จะเป็นฝั่งของ ภาษีคลินิคบ้างว่า

ต้องคำนึงถึงอะไร ปัจจัยไหนต้องระวัง และจากประสบการณ์ของสำนักงานเรา สรรพากรมักเล็งอะไรเป็นพิเศษ

.ภาษีของคลินิค

.

ก่อนอื่นต้องมองแยกกันก่อน กรณีที่ กิจการท่านเปิดคลินิค แล้วจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (บริษัท/ห้างหุ้นส่วนฯ) ตัวนี้จะแยกขาดจากบุคคลธรรมดา หรือตัวเจ้าของชัดเจน

ดังนั้นภาษีนิติบุคคลคำนวณจาก กำไร x อัตราภาษี ซึ่งก็แตกต่างกันถ้าคลินิคคุณเข้าเกณฑ์ SME หรือ ไม่ (ทุนจดทะเบียนต่ำกว่า 5 ล้าน/ รายได้ต่อปีต่ำกว่า 30ล้าน คร่าวๆนะคัรบ) ก็จะได้เรท SME ซึ่งประหยัดภาษีได้สูงสุด 195,000 บาท 

.

.

ไอ้ตัว กำไร ของคลินิคจะมีประเด็นนิดนึงตรงที่ ทางฝั่งคุณหมอ ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา จะมีการจำแนกรายได้เป็นหลายประเภท (ใครยังไม่รู้มีอะไรไปอ่านบทความก่อน ) ซึ่งประกอบด้วย

40[1] เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าประจำตำแหน่ง หรือสิ่งตอบแทนที่เกี่ยวเนื่องจากการจ้างงาน

40[2] ค่าจ้าง ค่าเวร ค่าขึ้นเวรต่างคลินิค

40[6] ค่าวิชาชีพ

40[8] รายได้จากการทำธุรกิจ คลินิคโรงพยาบาล

ดังที่เราทราบ รายได้ประเภท 1-2 หักค่าใช้จ่ายได้สูงสุดแค่ 50% แต่อั้นไว้ ไม่เกิน 100,000 บาท

แต่รายได้ประเภทที่ 6 และ 8 หักค่าใช้จ่ายได้ 60% ไม่มีอั้น แต่ แต่ รายได้ประเภทที่ 8 ถ้าเกิน 1.8 ล้านต่อปี ตัวคุณหมอ ต้องไปจด VAT ซึ่งต้องมีภาระยื่นแบบภาษีทุกเดือน

ดังนั้น รายได้ประเภทที่ 6 จึงเป็นที่ต้องการของคุณหมอ แต่ไม่เป็นที่ต้องการของ กรมสรรพากร เพราะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เยอะ (ภาษีเสียน้อย)

แล้ว คลินิค ต้องมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ?

.ภาษีแพทย์ภาษีหมอ

.วางแผนภาษี

สัญญาที่ต้องทำกับคุณหมอ ต้องระบุให้ชัดเจนและรัดกุม จากบทความก่อนหน้าจะมีกล่างถึงประเด็นนี้บ้างแล้ว ว่าต้องระวังอะไร เช่น Doctor Fee/ การกรันตีรายได้ / การแบ่งผลประโยชน์ให้คลินิค ต้องมีระบุในสัญญา

และมากกว่านั้น ต้องทำทางเดินของบัญชี เส้นทางเอกสาร ต้องสอดคล้องกับสัญญาด้วย ไม่เช่นนั้น พอสรรพากรมาตรวจ หรือมีประเด็นอะไร เกิน 80% สรรพากรจะตีความ เข้าข้าง สรรพากรไว้ก่อน นั่นคือตีให้รรายได้ของหมอ เป็น 40[2] ก่อนนั่นเอง ดังนั้นจุดนี้คลินิค ต้องระวัง พวกแบบสัญญา ว่าต้องร่างยังไง อันนี้เป็นหน้าที่ของท่าน หรือสำนักงานบัญชีว่ามีฟอร์มที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์พอสมควร

.

.

มาเรื่องต่อมา คือ ประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ของคลินิค หรือ โรงพยาบาล

เป็นที่ทราบกันว่า ภาษีสถานพยาบาล ภาษีคลินิค นั้นหากได้รับใบประกอบอนุญาตเป็นสถานพยาบาล จะได้รับการยกเว้น VAT ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากค่าบริการคนไข้ รายได้จากการขายยยาที่เกี่ยวเนื่องจากการรักษา

แต่มันก็มีบางจุดที่ต้องระวังเช่น

? ภาษีคลินิคเสริมความงาม ได้รับยกเว้น VAT มั้ย

= ถ้ามีใบประกอบ ซึ่งต้องเป็นชื่อ บริษัท หากท่านจดทะเบียนเป็นบริษัท ก็ได้รับยกเว้น

 

? คลินิเสริมความงาม ขายวิตามินทั่วไป ในชอปปี้ หรือลาซาด้า ยกเว้น VAT หรือไม่

= ไม่ยกเว้น เพราะไม่ถือเป็นการรักษาที่ต้องใช้วิชาชีพ

 

? โรงพยาบาล หรือคลินิค มีการขายคอร์สทำหน้าที่ ลูกค้าสามารถ เดินเข้ามาทำได้ ไม่ต้องพบแพทย์

= ไม่ยกเว้น เพราะไม่ถือเป็นการรักษา (แต่อย่างว่านะ ใครจะรู้)

 

? การออกใบเสร็จรับเงินของ คลินิคหรือโรงพยาบาล ต้องรวมค่าวิชาชีพแพทย์หรือไม่ (Doctro Fee/DF)

= ถ้ารวมเป็นรายได้ของตัวคลินิค จะกระทบฝั่งคุณหมอ ว่าต้องยื่นรายได้เป้นประเภท 40[2] แต่ถ้าไม่รวม ทำเสมือนลูกค้าจ่ายชำระตรงให้กับคุณหมอ (แต่โรงพยาบาลหรือคลินิค รับเงินแทน) แบบนี้ถึงจะ 40[6]

 

? คลินิคมีการจ้างหมอ และมีการทำจ่าย Doctor Fee เข้าคุณหมอ แล้วยังต้องหัก ณ ที่จ่ายไว้นำส้งหรือไม่

= ไม่ต้องหัก ณ ที่ตจ่ายส่วนนี้ เพราะดูตามเนื้อแล้ว คลินิคแค่ทำตัวเก็บเงินแทนคนไข้ ไม่ใช่ผู้จ่ายเงินให้คุณหมอจริงๆ ดังนั้นห้ามหัก ณ ที่จ่าย

.

.หาผู้สอบบัญชี

ยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องระวัง อันนี้เป็นที่พบบ่อยๆที่เจ้าของหลายคลินิคลูกค้าเรามาปรึกษา แต่อย่างไรก็ตามหากท่านตัดสินใจทำกิจการเป็น นิติบุคคล (บริษํท หรือ ห้างฯ) แล้วก็ต้องอย่าลืมเรื่องของ

บัญชี ภาษี ในคลินิคหรือโรงพยาบาล ว่าต้องมีการยื่นแบบภาษีต่างๆรายเดือน รายปี ต้องหาที่ปรึกษาบัญชีไว้ใจได้ ไม่ต้องเป็นผมก็ได้ แต่ต้องช่วยท่านให้คำปรึกษาท่านได้ ท่านจะได้ไม่มานั่งเสียเวลากับ ค่าปรับ สรรพากร หรือมึนๆงงๆ ด้านบัญชีและภาษี แต่เอาเวลาไปหาเงินหาทองในด้านที่ท่านถนัดจะดีกว่า

.ข้อดีนิติบุคคล

.

ส่วนที่สงสัยทั่วไปว่า ภาษีของ ห้างฯและบริษัท มีอะไรบ้างอันนี้สามารถหาอ่านได้ทั่วไป ซึ่งหลักๆประกอบด้วย 5 ประเภท

1 . ภาษีนิติบุคคล

2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)

3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

4. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

5. ภาษีป้าย

.

.

ซึ่งกลุ่มนี้ก็มีพื้นฐานเหมือนๆ ธุรกิจอื่นทั่วๆไปครับ สามารถหาอ่านกันได้ หรือมาซื้อหนังสือที่ผมแต่งไปอ่านเล่มๆก็ได้ (ขายของ) 555 เกี่ยวกับภาษีทั้งหมดที่ต้องระวังระแวงไว้

วันนี้น่าจะประมาณน้ี เรื่องภาษีคลินิค ภาษีโรงพยาบาล ยังมีอีกเยอะ หลายประเด็นมากๆ ไว้เดี๋ยวมาเล่ากันใหม่ในบทความต่อๆไปครับ

 

ขอบคุณครับ

โดย

 

 

 

 

🖋Tax and Audit Advisory Services โดยทีม ผู้สอบบัญชีคุณภาพ
📍Audit & Assurance Services from CPA Professions.

 

 

 

แชร์บทความ...

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเรา

รับคำปรึกษาจากทีมงานคุณภาพผู้เชี่ยวชาญของเรา และผู้สอบบัญชี ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในด้านบัญชีและภาษี