5 วิธีวางแผนภาษีสำหรับ SME ง่ายๆ ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้!
สวัสดีครับ วันนี้ก็มาเขียนบทความแบ่งปัน วิธี วางแผนภาษีสำหรับ SME แบบง่ายๆ และอาจหลงลืมกันไป โดยรวบรวมมาจาก
ลูกค้าที่มักเข้ามาปรึกษา หรือสอบถามกับทางสำนักงานเราครับ ไปดูกันเลย
1. ทำความเข้าใจโครงสร้างภาษี SME และใช้สิทธิประโยชน์อัตราภาษี
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการทำความเข้าใจกับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับ SME โดยเฉพาะ ซึ่งมักจะได้รับ การยกเว้นหรือลดหย่อนอัตราภาษี เมื่อเทียบกับนิติบุคคลทั่วไป
- ยกเว้นภาษี: โดยทั่วไป SME ที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท และรายได้ต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับกำไรสุทธิส่วนแรก
- อัตราภาษีแบบขั้นบันได: กำไรส่วนที่เกินจากที่ได้รับการยกเว้นจะถูกคิดในอัตราที่ต่ำลง (เช่น 15% สำหรับกำไรสุทธิในช่วงถัดไป) ก่อนจะไปถึงอัตราสูงสุดที่ 20%
- การวางแผน: เจ้าของธุรกิจควรหมั่นตรวจสอบกำไรสุทธิของกิจการอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินว่ากำไรอยู่ในช่วงอัตราภาษีใด และวางแผนการใช้จ่ายหรือการลงทุนก่อนสิ้นรอบบัญชีเพื่อบริหารจัดการฐานกำไรให้อยู่ในอัตราภาษีที่ประหยัดที่สุด
2. แยกรายจ่ายส่วนตัวออกจากรายจ่ายธุรกิจอย่างชัดเจน
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ SME คือการนำค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเจ้าของกิจการมาปะปนกับค่าใช้จ่ายของบริษัท ซึ่งตามกฎหมายถือเป็น “รายจ่ายต้องห้าม” ที่ไม่สามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ การปะปนนี้จะทำให้บริษัทต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น และเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบจากกรมสรรพากร
- สิ่งที่ต้องทำ:
- เปิดบัญชีธนาคารของบริษัทแยกจากบัญชีส่วนตัวโดยเด็ดขาด
- กำหนดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนของเจ้าของ/กรรมการให้ชัดเจน
- ค่าใช้จ่ายทุกรายการต้องมีเอกสารหลักฐานที่ระบุชื่อบริษัทและเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเท่านั้น
3. วางแผนการรับรู้รายได้และรายจ่าย ณ สิ้นรอบบัญชี
การวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาดคือการ บริหารช่วงเวลา (Timing) ของการรับรู้รายได้และรายจ่ายให้อยู่ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อลดฐานกำไรสุทธิของปีปัจจุบัน
- การจัดการรายจ่าย: หากคาดการณ์ว่าปีปัจจุบันจะมีกำไรสูง ควรเร่งรัดการบันทึกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสามารถหักได้เต็มจำนวน เช่น ค่าซ่อมแซมใหญ่ ค่าบำรุงรักษา หรือการซื้อสินค้าคงเหลือ/วัตถุดิบ ที่จะใช้ในปีถัดไป ให้เกิดขึ้นภายในปีปัจจุบัน
- การจัดการรายได้: หากทำได้ อาจพิจารณาเลื่อนการออกใบแจ้งหนี้หรือการส่งมอบงานบางส่วนไปรับรู้เป็นรายได้ในรอบบัญชีถัดไป เพื่อไม่ให้กำไรสุทธิกระจุกตัวอยู่ในปีเดียวจนต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง
4. ใช้สิทธิประโยชน์ในการหักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น (หัก 2 เท่า)
กรมสรรพากรมักจะมีมาตรการส่งเสริม SME ผ่านการอนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายบางประเภทได้ มากกว่า 1 เท่า (หักได้ 200%) ซึ่งถือเป็นโอกาสทองในการลดหย่อนภาษีที่ถูกกฎหมาย
- ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ (โปรดตรวจสอบประกาศล่าสุด):
- การจ้างงานผู้สูงอายุ: ค่าจ้างพนักงานที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด
- การวิจัยและพัฒนา (R&D): ค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
- การฝึกอบรมพนักงาน: ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงาน
- การวางแผน: ตรวจสอบมาตรการของกรมสรรพากรอย่างสม่ำเสมอ และลงทุนในกิจกรรมที่เข้าเกณฑ์เพื่อใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีได้มาก
5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและวางระบบเอกสารให้รัดกุม
การ วางแผนภาษีสำหรับ SME ที่สมบูรณ์และลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในกฎหมายภาษีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
- ปรึกษานักบัญชี/ที่ปรึกษาภาษี: จ้างสำนักงานบัญชีหรือที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ เพื่อให้ช่วยวางแผนโครงสร้างธุรกิจ การทำบัญชี และให้คำแนะนำการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างถูกต้อง
- จัดทำเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน: ค่าใช้จ่ายทุกรายการที่นำมาหักจะต้องมีเอกสารประกอบที่ครบถ้วนและถูกต้องตามกฎหมาย (เช่น ใบกำกับภาษีเต็มรูป ใบเสร็จรับเงิน) เพื่อเป็นหลักฐานเมื่อถูกตรวจสอบ การจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบคือการป้องกันภาษีย้อนหลังที่ดีที่สุด
.
.
ติดต่อเรา

.

