เช่าซื้อลิสซิ่งภาษี แบบไหนดีกว่ากัน แตกต่างกันอย่างไร by สำนักงานสอบบัญชี OneSiri
วิธีการดูว่าสัญญา ผ่อน รถยนต์เป็นแบบ เช่าซื้อ หรือ ลิสซิ่ง นั้น
ต้องอ่านภาพรวมของสัญญา ซึ่งถ้าสัญญานั้น
กรรมสิทธิของรถยนต์ ต้องโอนให้ผู้ผ่อนค่างวด เมื่อสิ้นสุดสัญญา = สัญญาเช่าซื้อ
กรรมสิทธิของรถยนต์ ผู้ผ่อนสามารถเลือกที่จะโอนหรือไม่โอนก็ได้ รวมถึงมีข้อผูกมัดการใช้รถยนต์ในระยะเวลาที่ผ่อน = ลิสซิ่ง
ซึ่งลิสซิ่ง จะแยกเป็น 2 แบบคือ การเงิน และ ดำเนินงาน
ลิสซิ่งแบบการเงิน > ผู้ผ่อนค่างวด ตั้งใจจะซื้อรถยนต์ โอนกรรมสิทธิแน่นอนเมื่อผ่อนเสร็จ
ลิสซิ่งแบบดำเนินงาน > ผู้ผ่อนค่างวด ตั้งใจผ่อนเพื่อใช้รถยนต์ในระหว่างทีผ่่อนเท่านั้น ผ่อนเสร็จ ก็โอนรถยนต์กลับไปให้ผู้ให้ผ่อน(ธนาคาร/ไฟแนนซ์)
ซึ่งทั้ง ลิสซิ่ง และ สัญญาเช่าซื้อนั้น มีลักษณะที่แตกต่างกันทางภาษีชัดเจน
โดยสรรพากรมองว่า
สัญญาเช่าซื้อ กิจการจะรับรู้เป็นสินทรัพย์ ตัดค่าเสื่อมจากยอด ค่ารถยนต์และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด โดยรถยนต์นั่งน้อยกว่า10คน ต้องคิดต้นทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท
ลิสซิ่ง สรรพากรจะมองเป็น ค่าเช่าจ่าย เท่านั้น เพราะกรรมสิทธิ์ ไม่เป็นของกิจการ ตามภาพด้านล่าง
มีตัวอย่าง เช่าซื้อ รถบันทุก
กรณีรถยนต์ราคาเงินสด….2,835,000 บาท
ดอกเบี้ยเช่าซื้อ…………………..289,740 บาท
รวม………………………………….3,124,740 บาท
1. ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 145) พ.ศ. 2527 ประกอบกับข้อ 7 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป. 3/2527 เรื่อง การหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน กำหนดให้ถือมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินนั้นตามราคาที่พึงต้องชำระทั้งหมดตามสัญญาเช่าซื้อ เป็นต้นทุนในการคำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน ซึ่งในที่นี้ได้แก่ จำนวน 3,124,740 บาท
แต่ในทางบัญชีกำหนดให้คำนวณหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาจากมูลค่าต้นทุนตามราคาเงินสดของทรัพย์สิน คือ 2,835,000 บาท และรับรู้ดอกผลเช่าซื้อจำนวน 289,740 บาท ตามงวดที่ถึงกำหนดชำระราคาแต่ละงวด
ทางบริษัทเราจะให้คำแนะนำลูกค้าทุกท่านเพื่อประโยชน์สูงสุดของกิจการ
สามารถติดต่อ ปรึกษาบัญชี-ภาษีได้ที่ Line @onesiriacct
<a href=”https://lin.ee/c0xZWVW”><img src=”https://scdn.line-apps.com/n/line_add_friends/btn/th.png” alt=”เพิ่มเพื่อน” height=”36″ border=”0″></a>